dosage ปริมาณการใช้อาหารเสริมแต่ละชนิด ใช้อย่างไรถึงเห็นผล

การใช้ยาเพื่อรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้น เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปของผู้ที่มีปัญหาอวัยวะเพศไม่แข็งตัว โดยการจะใช้ยาให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพนั้น ก็ต้องใช้ให้ถูกต้อง เช่น วิธีการใช้ ข้อบ่งชี้ต่าง ๆ รวมไปถึงข้อห้ามที่ควรรู้ก่อนใช้ เพราะนอกจากจะส่งผลให้ยาออกฤทธิ์ได้ตามต้องการแล้วนั้น ยังส่งผลในเรื่องของความปลอดภัยด้วย ดังนั้น ปริมาณ ยาเพิ่มขนาด หรือ dosage ของการใช้ยาแต่ละชนิดนั้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ยาต้องใช้อย่างไร กินแค่ไหนถึงจะเห็นผล เรามีคำตอบ

dosage ปริมาณในการใช้ยา

ยา หรือ อาหารเสริมผู้ชาย ที่อยู่ในกลุ่มช่วยรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้น มีด้วยกันหลายชนิด และมีปริมาณในการใช้ยาที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1.

ในจะมีซิลเดนาฟิลเป็นสารออกฤทธิ์ที่เป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้มากถึง 90% ซึ่งการทำงานคือ จะไปยับยั้งเอนไซม์ phosphodiesterase - Type 5 (PDE 5) และไปขยายหลอดเลือด ผลที่ได้คือทำให้มีการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงเกิดการกระตุ้นทางเพศและทำให้มีการแข็งตัวที่อวัยวะเพศได้ และซิลเดนาฟิลนั้นมี 3 ขนาด คือ 25 มิลลิกรัม, 50 มิลลิกรัม และ 100 มิลลิกรัม ซึ่งขนาดของยาจะหมายถึงปริมาณของสารออกฤทธิ์ซิลเดนาฟิลซิเตรตที่อยู่ในแต่ละเม็ดนั่นเอง และเราไม่ควรกินมากกว่า 1 เม็ดต่อวัน

นอกจากนี้ควรกินยาในขณะท้องว่าง ไม่แนะนำให้กินมากกว่าวันละครั้ง หากกินในรูปแบบเม็ดที่มีขนาดยา Sildenafil Citrate 100 มิลลิกรัม ควรกินเพียง 25 มิลลิกรัม หรือ 50 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น แต่ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน ที่สำคัญเลยคือ การแข็งตัวของอวัยวะเพศจะไม่เกิดขึ้นทันทีหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ เพราะการกระตุ้นสารออกฤทธิ์จำเป็นต้องมีการกระตุ้นทางเพศเกิดขึ้นด้วย เพราะยา  ทั่วไปนั้นไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์แต่อย่างใด

ปริมาณ dosage สำหรับคนที่มีอาการหย่อน สมรรถภาพ ทางเพศ ควรเริ่มต้นที่ 50 มิลลิกรัม แล้วถึงลองใช้ปริมาณอื่น หากไม่เหมาะกับตนเองหรือว่ายังไม่สามารถช่วยให้อวัยวะแข็งตัวได้ นั้นมักจะเริ่มทำงานระหว่าง 30 ถึง 60 นาทีหลังจากที่กินยาเข้าไป แต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าร่างกายจะตอบสนองต่อ เพราะฉะนั้นให้ลองใช้อย่างน้อย 8 วัน เพื่อดูว่าเริ่มมีผลหรือไม่ และควรใช้ยา  เพียงชนิดเดียวเป็นเวลานานก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนตัวใหม่ และควรกินยา 30 นาที ถึง 4 ชั่วโมง ก่อนมีเพศสัมพันธ์ แต่สำหรับคนทั่วไปแนะนำให้กินยาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์

ทั้งนี้ หากปรึกษาแพทย์ แพทย์อาจสั่งจ่ายในปริมาณที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ปัจจัยเหล่านี้อาจรวมถึงคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต หรือคนที่กำลังใช้ยาอื่น ๆ อยู่ หากปัจจัยเหล่านี้ตรงกับคุณ ปริมาณยาเริ่มต้นที่ควรกิน คือ 25 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ต่ำกว่าปริมาณที่แนะนำโดยทั่วไป แต่จะปลอดภัยกว่า

2. Cialis

เซียลิสจะมีตัวยาทาดาลาฟิลเป็นสารออกฤทธิ์ที่เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเซียลิสอยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่าสารยับยั้ง PDE5 เหมือนกันกับ และเซียลิสได้รับการรับรองในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไปเช่นกัน ยาเหล่านี้จะทำงานเพื่อรักษาอาการ ED ช่วยให้คุณมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้เมื่อคุณมีอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้น และเซียลิสจะมาในรูปแบบเม็ด ที่มีปริมาณตัวยาทาดาลาฟิล 4 ขนาด คือ 2.5 มิลลิกรัม, 5 มิลลิกรัม, 10 มิลลิกรัม และ 20 มิลลิกรัม

ปริมาณ dosage สำหรับคนที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ควรเริ่มต้นที่ 10 มิลลิกรัม และอาจลดลงเหลือ 5 มิลลิกรัม หากยาทำงานดีเกินไป แต่หากไม่ได้ผลต่อการรักษา และปริมาณขนาดยายังไม่เพียงพอ อาจเพิ่มเป็นขนาด 20 มิลลิกรัม แต่ไม่ควรเกินจากนี้ เพราะปริมาณสูงสุดที่สามารถกินได้ในหนึ่งวันคือ 20 มิลลิกรัม และไม่ควรกินเซียลิสเกินวันละครั้ง เพราะยาเซียลิสจะช่วยรักษาอาการ ED ได้นานถึง 36 ชั่วโมงหลังกินยาเข้าไป เพราะฉะนั้น ไม่ควรกินยาทุกวัน

แต่ถ้าหากว่าคุณมีอาการบางอย่างด้านสุขภาพ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับไตหรือตับ อาจจะต้องเริ่มกินเซียลิสในปริมาณที่น้อย เพื่อไม่ให้ยาไปส่งผลกับยาที่กินอยู่ อาจะเริ่มต้นที่ 2.5 มิลลิกรัมต่อวัน หากปริมาณยายังไม่ได้ผลดีพอที่จะรักษาอาการ ED ของคุณได้ ก็อาจเพิ่มเป็น 5 มิลลิกรัมต่อวัน และในคนที่แพทย์เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องกินยาเซียลิสเพื่อรักษาอาการทุกวันนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องกินยาเซียลิสก่อนมีเพศสัมพันธ์ ยกเว่นแต่ว่าแพทย์จะให้ใช้ยาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งปริมาณยาเซียลิสที่เหมาะสมนั้น จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทและอาการที่จำเป็นต้องใช้ยาเซียลิสในการรักษา อายุ และเงื่อนไขทางการแพทย์อื่น ๆ เป็นต้น

3. Levitra

เลวิต้า คือยาประเภทเดียวกับเซียลิส และยังกำหนดไว้สำหรับการใช้งานที่คล้ายคลึงกันกับยาด้วย เพราะในเลวิต้ามีวาร์เดนาฟิลเป็นสารออกฤทธิ์ที่เป็นส่วนประกอบหลัก เป็นกลุ่มยา PDE5 เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นยาที่ช่วยรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้เมื่อมีการถูกกระตุ้น ซึ่งการหย่อนสมรรถภาพทางเพศคือการที่ผู้ชายไม่สามารถรักษาอาการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ มักเกิดขึ้นเนื่องจากหลอดเลือดแดงที่นำเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศแคบเกินไป และยาวาร์เดนาฟิลจะไปเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย มีการออกฤทธิ์คล้ายกับซิลเดนาฟิลหรือ แต่ใช้เวลาระหว่าง 2 ถึง 4 ชั่วโมง ในขณะที่เลวิตร้าใช้เวลา 4 ชั่วโมง มาในรูปแบบเม็ดยา ที่มีปริมาณตัวยาวาร์เดนาฟิล 5 มิลลิกรัม, 10 มิลลิกรัม และ 20 มิลลิกรัม

ปริมาณ dosage สำหรับใช้ในการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ควรเริ่มต้นที่ 10 มิลลิกรัม และกินวันละครั้งตามความจำเป็น โดยควรกินก่อนมีเพศสัมพันธ์ 60 นาที หลังจากนั้นหากตัวยายังไม่ได้ผล ให้เพิ่มปริมาณเป็น 20 มิลลิกรัม หรือลดลงเป็น 5 มิลลิกรัม หากยาทำงานได้ผลดีเกินไป และไม่ควรกินเกินปริมาณสูงสุดคือ 20 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อความปลอดภัย ซึ่งตัวยานี้จะสามารถช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้นานถึง 4 ชั่วโมงหลังจากกินยา แต่ไม่ควรกินเกินวันละครั้ง

ข้อแนะนำอื่น ๆ ของการปริมาณการใช้ dosage

1. ปริมาณทุกประเภทที่ใช้ในแต่ละคนนั้น จะไม่ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก แต่จะขึ้นอยู่กับอายุ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปมีแนวโน้มที่จะได้รับในเลือดสูงขึ้นหลังจากกินยาเข้าไป ดังนั้น หากคุณมีอายุมากกว่า 65 ปี แพทย์มักจะแนะนำให้กินขนาดเริ่มต้นตามแต่ตัวยาที่ได้รับ

2. หากไม่ได้มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้น ไม่ควรกินยาทุกประเภท เพราะอาจทำให้มีผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

3. ยาทน ทุกประเภทสามารถใช้ในระยะยาวได้ หากแพทย์ได้พิจารณาแล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการของคุณได้ ก็จะสามารถใช้ยาได้ตามต้องการ

4. ยาทุกประเภท รวมถึงเซียลิส และเลวิตร้า นั้น มีผลข้างเคียงในการใช้ ทั้งแบบที่รุนแรง และแบบที่ไม่รุนแรง ซึ่งก่อนใช้ควรศึกษาข้อบ่งชี้และข้อควรระวังเหล่านี้ให้ดีเสียก่อน เพราะแต่ละประเภทก็จะมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย ไม่ควรใช้ปริมาณยาที่เกินกว่าที่แนะนำ

การจะใช้ ยาอึด ไม่ว่าชนิดไหนก็ตามเพื่อใช้ในการรักษาอาการต่าง ๆ นั้น เรื่องของปริมาณยาหรือ dosage จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะอาการที่เราประสบอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ED หรืออื่น ๆ การใช้ยาให้ถูกต้องและเหมาะสม ก็จะทำให้ประสิทธิภาพของยานั้นส่งผลได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยากลุ่มที่รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้น จะต้องระมัดระวังในการใช้เป็นพิเศษ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หรือดูคำแนะนำที่ผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง